การเปรียบเทียบรถยนต์ไร้คนขับ Waymo กับ Tesla Autopilot เป็นการพูดถึงสองเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการรถยนต์อัจฉริยะในปัจจุบัน แต่ละระบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป โดยทั้งสองบริษัทมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงในการขับขี่โดยไม่ต้องให้คนขับเข้าแทรกแซง
เปรียบเทียบ รถยนต์ไร้คนขับทั้ง 2 รุ่น
ระดับการขับขี่อัตโนมัติ
- Waymo พัฒนาระบบที่มีเป้าหมายจะให้ “Level 5” ซึ่งหมายความว่า ระบบสามารถขับขี่ได้โดยสมบูรณ์โดยไม่มีความจำเป็นต้องให้ผู้ขับขี่มีส่วนร่วมในการควบคุมเลย (ไม่ต้องมีพวงมาลัยหรือเบรก) ซึ่งหมายความว่า Waymo สามารถขับขี่ได้ในสภาพถนนและสถานการณ์ที่ซับซ้อนโดยไม่มีความจำเป็นให้มนุษย์มีส่วนร่วม
- Tesla Autopilot ยังคงอยู่ในระดับ “Level 2” หรือ “Level 3” ซึ่งหมายความว่า มันช่วยให้รถยนต์สามารถทำงานได้ในบางสถานการณ์ (เช่น ขับในทางด่วน) แต่ยังคงต้องการการควบคุมจากคนขับอยู่ตลอดเวลา โดย Tesla ต้องการให้ผู้ขับขี่ยังคงระมัดระวังและสามารถแทรกแซงได้ทันทีหากมีปัญหา
เทคโนโลยีที่ใช้
- Waymo ใช้เทคโนโลยี LIDAR (Light Detection and Ranging) และเซ็นเซอร์อื่นๆ เช่น กล้อง, เรดาร์, และ LiDAR ที่ช่วยสร้างแผนที่ 3D ของโลก และช่วยให้รถรู้จักสถานการณ์ต่างๆ รอบตัวได้แม่นยำมากขึ้น
- Tesla Autopilot ใช้ กล้อง, เรดาร์, และเทคโนโลยี AI ในการขับขี่ มันไม่มีการใช้ LIDAR โดยตรง ซึ่งทำให้ Tesla มุ่งเน้นที่การใช้ข้อมูลจากกล้องและระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเรียนรู้จากการขับขี่และทำการตัดสินใจแบบเรียลไทม์
การใช้งานจริง
- Waymo ปัจจุบันมีบริการ Waymo One ในพื้นที่เช่น Phoenix, Arizona โดยมีรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ 100% ที่ไม่ต้องการมนุษย์ขับในบางเขตของเมือง
- Tesla Autopilot มุ่งเน้นที่การใช้ใน รถยนต์ของผู้ใช้งานทั่วไป ซึ่งหมายความว่า ระบบนี้สามารถใช้งานได้ในหลายประเทศและเส้นทาง โดยมีผู้ขับขี่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ในบางสถานการณ์ (เช่น การขับขี่บนทางหลวงหรือในสภาพถนนที่คุ้นเคย)
การอัปเดตและการพัฒนา
- Waymo เป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google (Alphabet) ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลและวิจัยจำนวนมากในด้านการขับขี่อัตโนมัติและ AI. จึงมีการอัปเดตระบบและการเรียนรู้จากข้อมูลจากการขับขี่จริงอย่างต่อเนื่อง
- Tesla ก็มีการอัปเดตระบบ Autopilot อย่างต่อเนื่องผ่าน OTA (Over-the-Air Updates) ซึ่งหมายความว่า ผู้ขับขี่สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้ทุกเมื่อ ทำให้ระบบค่อยๆ ดีขึ้นและปรับตัวตามสถานการณ์ต่างๆ โดยการเรียนรู้จากฐานข้อมูลของรถที่ใช้งานทั่วโลก
ความแม่นยำและความปลอดภัย
Waymo
- Waymo มีชื่อเสียงในเรื่องของความแม่นยำและความปลอดภัย เพราะได้ทดลองระบบในสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมในเมืองหลายแห่ง ระบบของ Waymo ได้รับการออกแบบให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกสถานการณ์ที่พบในชีวิตประจำวัน รวมถึงการเดินทางในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นและสภาพถนนที่ซับซ้อน
Tesla Autopilot
- แม้ว่า Tesla Autopilot จะได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการขับขี่อัตโนมัติในบางสถานการณ์ (โดยเฉพาะการขับขี่ทางหลวง), แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับการพึ่งพาผู้ขับขี่ในการเฝ้าระวังและแทรกแซงในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดหรืออุบัติเหตุ.
- Tesla มีความสามารถในการทำงานได้ดีในสถานการณ์ที่ค่อนข้างคงที่ แต่ยังคงต้องการการระมัดระวังจากผู้ขับขี่ ซึ่งอาจลดความแม่นยำได้ในบางกรณี
ใครแม่นกว่ากัน?
- Waymo ดูเหมือนจะมีความแม่นยำมากกว่าในแง่ของการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Level 5) เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อทำงานโดยไม่มีมนุษย์แทรกแซง และมีเทคโนโลยีที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ดีกว่า
- Tesla Autopilot ยังอยู่ในระดับที่ต้องการผู้ขับขี่ควบคุมและมีการคาดการณ์ที่ต้องได้รับการปรับปรุงต่อไป แม้ว่าในบางสถานการณ์มันจะมีความแม่นยำที่ดีและอาจดีกว่า Waymo ในการใช้ในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไป
สรุป
- Waymo แม่นยำในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้และไม่มีความจำเป็นต้องแทรกแซงจากผู้ขับขี่ แต่มักจะใช้งานในพื้นที่จำกัด
- Tesla Autopilot เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน (การขับขี่ในทางหลวง) แต่ยังคงต้องการความระมัดระวังจากผู้ขับขี่ และไม่ได้สามารถทำงานในสถานการณ์ที่ซับซ้อนหรือสภาพถนนที่ไม่แน่นอนได้ดีเท่า Waymo
ซึ่งในอนาคตอาจจะกลายเป็นรถที่มีประสิทธิภาพมากๆจนรถที่มีคนขับชิดซ้ายไปเลยก็ได้ครับ และ อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีมากการเรียก Taxi ในสมัยก่อนที่ต้องลุ้นเหมือนสุ่มหวยไวว่าจะ
- เจอคนขับอารมณ์ร้อนไหม
- ขับรถเก่งไหม
- รู้เส้นทางจริงหรือเปล่า
- หรือมีการโกงเกิดขึ้นไหม
รถยนต์ไร้คนขับทั้ง 2 เจ้านี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการขนส่งอย่างแน่นอนครับ ส่วนเจ้าไหนจะดีกว่ากัน อาจจะต้องไปลองนั่งดูในอนาคตครับ